ปัญหายางถูกตะปูหรือของมีคมเจาะ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้จริงในการใช้งานประจำวัน และอาจเพิ่มความเสี่ยงหากต้องจอดเปลี่ยนยางในพื้นที่ไม่ปลอดภัย เทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ต่อเนื่องจึงพัฒนาออกมา 2 แนวทางหลัก ได้แก่ Seal Inside™ และ RUN FLAT ซึ่งมีหลักการทำงานและข้อกำหนดการใช้งานแตกต่างกันอย่างชัดเจน
Seal Inside™ ถูกออกแบบมาเพื่อช่วย “รักษาแรงดันลมยาง” ด้วยการซีลรอยรั่วจากภายใน ในขณะที่ RUN FLAT ถูกออกแบบมาเพื่อ “รองรับการขับต่อ” แม้แรงดันลมยางลดลงมากหรือไม่มีแรงดันลมยางแล้ว
Seal Inside™ ทำงานเหมือนการ “อุดรอยรั่วอัตโนมัติ” ตั้งแต่ช่วงแรก เพื่อคงแรงดันลมยางและการขับขี่ให้ใกล้เคียงสภาวะปกติ ขณะที่ RUN FLAT คือการออกแบบเพื่อ “พาคุณไปถึงจุดปลอดภัย” แม้ยางอยู่ในสภาวะที่แรงดันลมยางลดลงมากแล้ว
• หากต้องการแนวทางที่ช่วยลดโอกาส “ต้องจอดทันที” จากเหตุยางถูกเจาะ และยังคงรูปแบบการขับขี่ใกล้เคียงปกติ → Seal Inside™
• หากรถถูกออกแบบมาสำหรับ Run Flat จากโรงงาน และต้องการความสามารถในการขับต่อแบบมีข้อกำหนดระยะทาง/ความเร็วที่ชัดเจน → RUN FLAT
เพื่อความปลอดภัย หลังเกิดเหตุยางรั่ว ไม่ว่าระบบใด ควรนำรถเข้าตรวจเช็กโดยผู้เชี่ยวชาญโดยเร็ว
1) Seal Inside™ คืออะไร?
Seal Inside™ คือเทคโนโลยีของ Pirelli ที่มีวัสดุซีลอยู่ด้านในยาง ช่วยปิดรอยรั่วจากของมีคม (เช่น ตะปู) เพื่อ ลดการสูญเสียแรงดันลมยาง และช่วยให้ยังสามารถ ขับต่อได้อย่างมั่นใจ.
2) Seal Inside™ ต่างจาก RUN FLAT อย่างไร?
Seal Inside™ เน้น “ป้องกันลมรั่ว” โดยซีลรอยรั่วจากภายใน เพื่อรักษาแรงดันลมยางให้ใกล้เคียงปกติ.
RUN FLAT เน้น “ขับต่อได้แม้ลมยางลดลงมากหรือไม่มีแรงดัน” โดยใช้โครงสร้าง/แก้มยางที่แข็งแรงเป็นพิเศษ.
3) Seal Inside™ ป้องกันยางรั่วได้ทุกกรณีหรือไม่?
Seal Inside™ ออกแบบมาเพื่อช่วยรับมือกับ “สาเหตุทั่วไป” ของการรั่ว เช่น ของมีคมเจาะบริเวณหน้ายาง และ Pirelli ระบุว่าสามารถครอบคลุมเหตุการณ์การสูญเสียแรงดันแบบไม่ตั้งใจได้ เกือบ 85% อย่างไรก็ตาม “ไม่ใช่ทุกกรณี” โดยเฉพาะความเสียหายรุนแรงหรือบริเวณแก้มยาง.
4) Seal Inside™ ต้องใช้ระบบ TPMS หรืออุปกรณ์พิเศษไหม?
Pirelli ระบุว่า Seal Inside™ ไม่จำเป็นต้องพึ่งระบบ TPMS เพื่อให้เทคโนโลยีทำงานได้ และไม่ต้องใช้ล้อเฉพาะเหมือนบางระบบอื่น ๆ (ทั้งนี้ขึ้นกับรุ่น/สเปคยางที่เลือกใช้กับรถ).
5) RUN FLAT จำเป็นต้องมี TPMS หรือไม่?
ผู้ผลิตหลายรายแนะนำ/กำหนดให้รถที่ใช้ Run Flat ควรมี TPMS เพื่อแจ้งเตือนเมื่อแรงดันลมยางลดลง เพราะผู้ขับอาจไม่รู้สึกผิดปกติทันทีขณะขับ.
6) RUN FLAT มีข้อจำกัดในการขับต่อหลังยางรั่วอย่างไร?
โดยทั่วไป Run Flat มักระบุข้อจำกัดไว้ชัดเจน เช่น ขับต่อได้ประมาณ 80 กิโลเมตร และความเร็ว ไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง (ตัวเลขจริงอาจแตกต่างตามผู้ผลิต/รุ่นยางและสภาพการใช้งาน).
7) หลังเกิดเหตุยางรั่ว “ควรทำอย่างไร” แม้เป็น Seal Inside™ หรือ Run Flat?
แม้เทคโนโลยีช่วยให้ขับต่อได้ แต่เพื่อความปลอดภัยควร
• ลดความเร็วและขับอย่างระมัดระวัง
• เข้าศูนย์บริการเพื่อ ตรวจสภาพยาง/โครงสร้าง/ตำแหน่งรอยรั่ว โดยผู้เชี่ยวชาญโดยเร็ว
เพราะความเสียหายที่มองไม่เห็นอาจส่งผลต่อความปลอดภัยในระยะยาว
8) RUN FLAT ซ่อมได้ไหม? แล้วซ่อมได้กี่ครั้ง?
แนวทางจากผู้ผลิตบางรายระบุว่า Run Flat ซ่อมได้ภายใต้เงื่อนไข และบางกรณีอาจ ซ่อมได้เพียง 1 ครั้ง เพื่อคงความแข็งแรงของโครงยาง (และบางรุ่น/บางแบรนด์อาจแนะนำให้เปลี่ยนใหม่ตามสภาพความเสียหาย).
โทร: 089-379-9292 | 065-648-2662
Line OA : @maxgarden
ยินดีบริการทั้ง 4 สาขา: สัตหีบ กม.10, บ้านฉาง ระยอง, Grip By MaxGarden (อู่ตะเภา), สาขาแยกเจ (ถ.332)